ศาสตร์แห่งการเห็นอกเห็นใจตนเอง: การปลูกฝังความเมตตาและความเข้าใจต่อตนเอง

300 เข้าชม

ความเห็นอกเห็นใจตนเองมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นความเห็นแก่ตัวหรือตามใจตนเอง แต่ในความเป็นจริงนั้นหมายถึงการมีน้ำใจ เข้าใจ และห่วงใยตนเอง เหมือนกับที่เราปฏิบัติต่อเพื่อนซึ่งกำลังลำบาก จากการวิจัยพบว่าความเห็นอกเห็นใจตนเองมีประโยชน์ในด้านต่างๆ ของชีวิต รวมถึงสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ระดับความเครียดลดลง และความยืดหยุ่นมากขึ้นในการเผชิญกับความท้าทาย ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับในการปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจตนเองในชีวิตของคุณ

ศาสตร์แห่งการเห็นอกเห็นใจตนเอง: การปลูกฝังความเมตตาและความเข้าใจต่อตนเอง

1. ฝึกสติ

การเจริญสติคือการฝึกให้อยู่กับปัจจุบัน ตระหนักรู้ และไม่ตัดสินความคิด ความรู้สึก และความรู้สึกของเรา เราสามารถสังเกตและรับรู้อารมณ์ของเราได้โดยไม่จมอยู่กับอารมณ์นั้น สิ่งนี้ช่วยให้เราตอบสนองตนเองด้วยความกรุณาและความเข้าใจ แทนที่จะวิจารณ์อย่างรุนแรงหรือตัดสินตนเอง การฝึกสติสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่หายใจเข้าลึกๆ และจดจ่อกับช่วงเวลาปัจจุบัน หรืออาจรวมถึงการฝึกสมาธิที่เป็นทางการมากขึ้น

2. ปฏิบัติตัวเหมือนที่คุณปฏิบัติต่อเพื่อน

พวกเราส่วนใหญ่มักจะรุนแรงกับตัวเองมากกว่าที่เราจะทำกับเพื่อน เรามักคิดว่าการเข้มงวดกับตนเองจะเป็นแรงกระตุ้นให้เราทำงานหนักขึ้นและทำได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการวิจารณ์ตนเองสามารถนำไปสู่การลดความภาคภูมิใจในตนเองและระดับความเครียดที่มากขึ้นได้ ให้ลองปฏิบัติตัวเหมือนที่คุณปฏิบัติต่อเพื่อนแทน ลองนึกดูว่าคุณจะพูดอะไรกับเพื่อนที่กำลังประสบกับสิ่งที่คุณประสบอยู่ และแสดงความเมตตาและความเข้าใจในระดับเดียวกัน

3. ฝึกการดูแลตนเอง

การดูแลตนเองหมายถึงการดูแลสุขภาวะทางร่างกาย อารมณ์ และจิตใจของคุณ มันเกี่ยวข้องกับการเลือกที่หล่อเลี้ยงร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณของคุณ เช่น นอนหลับให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่คุณชอบ และขอความช่วยเหลือเมื่อคุณต้องการ การฝึกดูแลตัวเองสามารถช่วยให้คุณรู้สึกมีค่าและคู่ควรกับความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น และสามารถสนับสนุนความสามารถในการแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อตนเอง

4. สังเกตและท้าทายเสียงภายในที่สำคัญของคุณ

เราทุกคนต่างมีคำวิจารณ์อยู่ในใจ เสียงในหัวของเราที่บอกว่าเราไม่ดีพอ ฉลาดพอ หรือมีค่าพอ การจำเสียงนี้อาจเป็นเรื่องยากเพราะเสียงนี้มักจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติและเป็นนิสัย อย่างไรก็ตาม การสังเกตและท้าทายความคิดเชิงวิพากษ์เหล่านี้ เราสามารถเริ่มหลุดพ้นจากการควบคุมความคิดเหล่านั้นได้ วิธีหนึ่งในการทำเช่นนี้คือถามตัวเองว่า “ความคิดนี้จริงหรือไม่” หรือ “ฉันมีหลักฐานอะไรสนับสนุนความคิดนี้” โดยการท้าทายความคิดเหล่านี้ เราสามารถแทนที่ความคิดเหล่านั้นด้วยความเห็นอกเห็นใจและความเป็นจริงมากขึ้น

สรุปได้ว่า การปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจตนเองต้องใช้เวลา ความพยายาม และการฝึกฝน อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของการมีสายสัมพันธ์ที่กรุณาและความเข้าใจกับตัวเองมีมากมายและสามารถส่งผลดีต่อทุกด้านของชีวิตเราได้ การนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ในกิจวัตรประจำวันทำให้เราสามารถเรียนรู้ที่จะปฏิบัติต่อตนเองด้วยความเห็นอกเห็นใจและความเอาใจใส่แบบเดียวกับที่เราจะเสนอต่อเพื่อน

ศาสตร์แห่งการเห็นอกเห็นใจตนเอง: การปลูกฝังความเมตตาและความเข้าใจต่อตนเอง
 

fiverr

บทความแบบสุ่ม
Comment
CAPTCHA
แปลภาษา»